หน่วยในภาษา หมายถึง ส่วนประกอบในภาษา อันได้แก่ เสียง คำ ประโยค ซึ่งผู้ใช้สามารถนำมาประกอบกันให้มากขึ้นได้ไปได้อีกเป็นจำนวนมาก เช่น
หน่วยเสียง เป็นหน่วยที่เล็กที่สุดประกอบด้วย เสียงสระ พยัญชนะ และวรรณยุกต์ โดยหน่วยเสียงสระในภาษาไทยมี 21 หน่วยเสียง
เป็นสระเดี่ยว 18 เสียง แบ่งเป็นสระสั้น 9 เสียง สระยาว 9 เสียง และสระประสม 3 เสียงเท่านั้น
ไม่แบ่งเป็นสระสั้น สระยาวเนื่องจากการออกเสียงสระประสมสั้น หรือยาวไม่มีนัยสำคัญ กล่าวคือ ไม่ทำให้ความหมายของคำแตกต่างกัน
หน่วยเสียงพยัญชนะไทย มี 21 เสียง แต่มีรูป 44 รูป เสียงพยัญชนะที่ปรากฏมีทั้งพยัญชนะเดี่ยว และพยัญชนะควบกล้ำ
แต่ส่วนใหญ่จะใช้พยัญชนะเดี่ยวขึ้นต้นคำ หน่วยเสียงวรรณยุกต์ของไทย มีทั้งหมด 5 เสียง คือ เสียงสามัญ เสียงเอก เสียงโท เสียงตรี และเสียงจัตวา
มีเครื่องหมายแทนเสียงวรรณยุกต์เพียง 4 รูปเท่านั้น คือ ไม้เอก ไม้โท ไม้ตรี และไม้จัตวา
โดยเครื่องหมายวรรณยุกต์ไม่ได้ใช้แทนเสียงวรรณยุกต์นั้นๆ ตรงตัวเสมอไป เพราะต้องเปลี่ยนแปรไปตามกลุ่มของพยัญชนะว่าเป็น อักษรกลาง อักษรสูง หรืออักษรต่ำ
คำ คือ หน่วยที่เล็กที่สุดที่มีความหมายในภาษา การนำเสียงพยัญชนะ สระ วรรณยุกต์และความหมาย มาประสมกันเราสามารถสร้างคำให้มีมากขึ้น และนำคำมาประสมกันเกิดเป็นคำใหม่ๆ ได้จำนวนมาก เช่น กราบกราน การงาน พ่อเลี้ยง แม่บ้าน
วลี คือ การนำคำมาเรียบเรียงเป็นกลุ่มคำหรือวลี เช่น ทำงานรวดเร็ว นานาทัศนะ
ประโยค คือ การนำคำหรือกลุ่มคำ มาเรียบเรียงให้มีองค์ประกอบครบตามลักษณะของประโยคในภาษาไทย จะได้ประโยคจำนวนมาก
และภาษาไทยมีลักษณะพิเศษ ถ้าเรียงคำสลับที่กัน จะได้ประโยคใหม่ มีความหมายใหม่กันโดยไม่ต้องเพิ่มคำขึ้นมาใหม่ เช่น คำ 4 คำนี้ “ ใคร ให้ ไป หา ” สามารถเรียงเป็นประโยคได้ถึง 16 ประโยค
นอกจากนี้ประโยคเพียงประโยคเดียวง่ายๆ เราสามารถขยายประโยคให้ยาวออกไป ได้อีก โดยการขยายประโยคบ้าง รวมประโยคบ้าง ซ้อนประโยคบ้าง
เช่น พ่อเลี้ยงของฉันทำงานเสร็จอย่างรวดเร็ว แล้วรีบกลับมาให้แม่บ้านทำอาหารให้รับประทาน
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น